บทความนี้ เอามาจากกระทู้ pantip เขียนโดยคุณ Mccain ซึ่งเป็นวิศวกรโยธา เห็นว่ามีประโยชน์ดี เลยเอามาแปะไว้ให้อ่านกัน
http://topicstock.pantip.com/home/topicstock/2012/03/R11903941/R11903941.html
การทดสอบดินก่อนการสร้างบ้าน เรื่องสำคัญที่มักถูกมองข้าม
พอดีเป็นวิศวกรโยธาครับ ที่จ.เชียงใหม่ และได้เจอลูกค้าที่กำลังก่อสร้างบ้าน ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งต่อมาทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวบ้าน เป็นมูลค่ามหาศาล เนื่องจากการไม่ทดสอบดินก่อนการก่อสร้าง ซึ่งจะสรุปให้ฟังคร่าวๆเป็นข้อๆนะครับ
กรณีที่ 1 วิศวกรเทพ ผู้รับเหมาเทพ
กรณีนี้คือ เจ้าของบ้านไปเจอวิศวกร หรือผู้รับเหมาที่มักง่าย เจ้าของบ้านกำลังจะสร้างบ้าน แล้ววิศวกรกำหนดฐานรากเป็นฐานรากแผ่ที่ ดินสามารถรับน้ำหนักได้ไม่น้อยกว่า 10 ตันต่อตารางเมตร ซึ่งขณะการก่อสร้าง ผู้รับเหมาได้ขุดดินลึก 1.50 เมตร และเจ้าของบ้านได้เรียกวิศวกรออกแบบไปดู เรื่องที่ไม่น่าเชื่อที่สุดได้เกิดขึ้นคือ วิศวกรถามคนงานที่ขุดว่าดินแข็งไหม คนงานบอกแข็งมาก แล้วให้วางฐานรากที่ระดับนั้นเลย
เทพสุดๆ จึงวางฐานราก ที่ระดับนั้น ซึ่งต่อมา เมื่อก่อสร้างเสร็จ ผนังเกิดร้าว และเจ้าของบ้านได้เชิญผมเข้าไปดู ซึ่งดูแล้วเป็นการร้าวจากการทรุดตัว หลังจากลองทดสอบดินดู สิ่งที่ไม่คาดฝันคือ ดินที่ระดับ 1.50 เมตร ที่วางฐานรากเป็นดินที่รับน้ำหนักได้เพียง 6 ตันต่อตารางเมตร และที่ร้ายกว่านั้น ดินที่ระดับ 2.00 เมตร (ลึกลงไป 0.50 เมตร) รับน้ำหนักได้เพียง 2 ตันต่อตารางเมตร เนื่องจากเป็นดินเหนียว low plasticity (CL) และอยู่ในสะภาพเหลวเลย -*-
วิธีการแก้ไขขอไม่ระบุในนี้นะครับ แต่เจ้าของบ้านเสียเงินเพิ่มไปหลายแสนอยู่ และวิศวกรออกแบบกลับลอยตัว เพราะแบบไม่ได้ระบุความลึก บอกเพียงว่า ดินสามารถรับน้ำหนักได้ไม่น้อยกว่า 10 ตันต่อตารางเมตร และในเอกสารทางกฎหมายคนควบคุมงานคือเจ้าของบ้านเอง เลยต้องเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายเองด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
กรณีที่ 2 คนขายเสาเข็ม เทพ
กรณีนี้คือ วิศวกรออกแบบ ระบุฐานรากมาว่า ใช้เสาเข็มขนาด 0.22 x 0.22 เมตร รับน้ำหนักได้ไม่น้อยกว่า 20 ตันต่อต้น และระบุในแบบว่า ความยาวเสาเข็มต้องมาจากการทดสอบดิน
ซึ่งต่อมาเจ้าของบ้านได้ติดต่อบริษัทเสาเข็ม คนขายเสาเข็มแนะนำใช้เสาเข็มยาว 8.00 ทันทีโดยไม่ทดสอบอะไรเลย โดยบอกว่า ผมตอกเสาเข็มมาเยอะ แถวนี้ 8 เมตรทั้งนั้น ผมมารู้ที่หลังว่า ที่เขาต้องการขาย 8 เมตร เพราะเป็นเสาเข็มเหลือจากโครงการอื่น เป็น death stock อยู่ เลยอยากขาย 8 เมตรมาก
พอวันตอกจริงๆ ปรากฏว่า 8 เมตรตอกไป blow count ไม่ขึ้น ดีที่วิศวกรออกแบบแวะมาดู ไม่งั้นเจอ blow count ปลอมว่าผ่านหมดแน่ ปรึกษาวิศวกรออกแบบ วิศวกรออกแบบสั่งทดสอบดินทันที
ปรากฏว่าโครงการนั้นต้องใช้เสาเข็มยาวถึง 12.00 เมตร งานนี้ทะเลาะกันยาว
เจ้าของบ้านหลังนี้โชคดีมากที่การแก้ไข อยู่ในระหว่างก่อสร้าง ซึ่งแก้ไขได้ทัน หากสร้างเสร็จแล้ว ผมยังไม่รู้เลยว่าจะเสียหายเท่าไหร่
กรณีที่ 3 คนข้างบ้านเทพ
เรื่องนี้ไม่ได้เกิดกับเจ้าของบ้าน แต่เกิดกับคนข้างบ้านหลังที่ก่อสร้าง
การก่อสร้างบ้านบริเวณนี้ต้องใช้เสาเข็มเจาะ เนื่องจากพื้นที่บังคับ และมีอาคารข้างคียง
วิศวกรออกแบบระบุ เสาเข็มเจาะขนาด diameter 0.35 m. รับน้ำหนักได้ไม่น้อยกว่า 35 ตันต่อต้น และระบุในแบบว่า ความยาวเสาเข็มต้องมาจากการทดสอบดิน
บ้านหลังนี้ก่อสร้างได้มาตรฐานดีมาก วิศวกรควบคุมงาน (บ้านหลังนี้จ้างวิศวกรคุมงาน) สั่งทดสอบดินก่อนการก่อสร้าง ทันที
คนข้างบ้านบอกว่าบ้านเขาใช้เสาเข็มเจาะยาว 8.00 เมตร ไปทดสอบดินให้เปลืองเงินทำไม (แนะ มากระแนะกระแหนอีก) ทำเอาเจ้าของบ้านนอนไม่หลับ เพราะแค่เริ่มก็ถูกหาว่าเสียเงินฟรีละ
ต่อมาผลทดสอบดินออก ได้ความยาวเสาเข็ม 17.50 เมตร บ้านหลังนี้ และที่ระดับ 8.00 เมตร เป็นระดับที่ดินอ่อนที่สุด (SPT = 2)
ตอนนี้คนนอนไม่หลับเปลี่ยนเป็นคนข้างบ้านแทนละครับ เห็นว่าจะฟ้องร้องผู้รับเหมา เรื่องยาวเลย
กรณีที่ 4 ประมาทน้องน้ำ
เจ้าของบ้านกำลังจะก่อสร้างบ้าน วิศวกรออกแบบฐานรากใช้ ฐานรากแผ่ ที่ดินสามารถรับน้ำหนักได้ไม่น้อยกว่า 10 ตันต่อตารางเมตร ทำการก่อสร้างในหน้าแล้ง ผลการทดสอบด้วย plate bearing test ปรากฎว่าผ่าน แต่ไม่ได้ทดสอบในห้องปฏิบัติการ ซึ่งเมื่อก่อสร้างเสร็จ ผ่านฤดูฝนไป ปรากฎว่าผนังร้าว เนื่องจากการทรุดตัวของฐานราก เมื่อลองเปิดฐานรากดู ปรากฎว่า ดินเหนียวที่เคยแข็งในหน้าแล้ง กลายสภาพเป็นดินเหลวในหน้าฝน ทำให้ดินไม่สามารถรับน้ำหนักได้ เนื่องจากดินมีค่า plasticity ต่ำมาก ก็ต้องแก้ฐานรากกันไปตามระเบียบ งานนี้ก็หลายแสนอยู่ครับ
ขอบคุณคุณ Mccian และ กระทู้ pantip
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น